LPN เร่งยอดปลายปีหวังเข้าเป้า 13,000 ล้าน เปิด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 5,400 ล้าน

เรื่องที่น่าสนใจ เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

LPN รุกเปิดตัว 4 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ 168 มูลค่า 5,400 ล้านบาท หวังเร่งยอดขายช่วงโค้งสุดท้ายปี คาดหนุนยอดขายตามเป้าหมาย 13,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 65 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 5,400 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่า 2,400 ล้านบาท ถึงแม้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรืออาจถึงขั้นถดถอย (Recession) ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงต่อเนื่อง ทำให้ระดับราคาพลังงาน ราคาสินค้า และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

“ถึงแม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ แต่ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 LPN ยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายรวมถึง 6,800 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 4,800 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของยอดขายรวม และโครงการบ้านพักอาศัย 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดขายรวม ซึ่งสะท้อนถึงกำลังซื้อในตลาดที่ยังคงเติบโต และความเชื่อมั่นของลูกค้าในศักยภาพการพัฒนาโครงการฯ ของ LPN ทำให้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ได้ตามแผนที่วางไว้” นายโอภาส กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท โครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเพลส 168 ปิ่นเกล้า โครงการลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด สเตชั่น โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 เฟส 3 โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (เฟสใหม่) และโครงการเวนู 168 ราชพฤกษ์ 1 ทำให้บริษัทฯ มี Backlog (สินค้าที่ขายและรอโอน) มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท ที่พร้อมจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ต่อเนื่องไปถึงปี 2566-2567 แบ่งเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม 1,400 ล้านบาท และส่วนของบ้านพักอาศัย 700 ล้านบาท และมีสินค้าพร้อมขายทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ต่อเนื่องให้บริษัทฯ ในปี 2566-2568

 

สำหรับ 4 โครงการที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมถึง 3,000 ล้านบาท ได้แก่ วิลล์ 168 บางหว้า (Ville 168 Bang Wa) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Make Your Living in Colors” โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทั้งสายแอ็กทีฟ และสายชิล ร่มรื่นด้วยสวนสีเขียวรอบโครงการ บนถนนเพชรเกษม เดินทางสะดวกใกล้สถานีอินเตอร์เชนจ์ BTS-MRT บางหว้า เพียง 800 เมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.53 ล้านบาท ซึ่งพร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ และพาร์ค 168 อ่อนนุช 19 (Park 168 OnNut 19) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Let’s take a breath” เน้นการออกแบบโครงการให้มีความร่มรื่นกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น ให้เป็นพื้นที่ความสุขให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยมูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ทั้งยังเตรียมเปิดขายโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เวนู 168 เวสต์เกต (Venue 168 Westgate) ใกล้เซ็นทรัล เวสต์เกต และโครงการ เวนู 168 คูคต สเตชั่น (Venue 168 Khukhot Station) ใกล้กับสถานีบีทีเอสคูคต ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท โดยพร้อมเปิดขายเร็วๆ นี้

“โครงการที่จะเปิดตัวใหม่ทั้ง 4 โครงการ เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “168” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “น่าอยู่” (Livable Home) โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้งาน (Function) การออกแบบทั้งโครงสร้าง และตกแต่งภายในแบบ Stylish Smart Living เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริงของคนเมืองรุ่นใหม่หรือกลุ่ม Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เริ่มต้นทำงาน (First Jobber) กลุ่มที่สร้างธุรกิจเอง (Entrepreneur) รวมไปถึงกลุ่ม Startups ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Uniqueness) ในทุกมิติทั้งการใช้งานและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ (Identity) ทั้งเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่สะดวกและง่ายกับการใช้ชีวิต” นายโอภาส กล่าว