เจนเนอราลี่กรุ๊ป กางแผน 3 ปี งบลงทุนเทคฯ 4.1 หมื่นล้าน-ควบรวมกิจการ

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

เจนเนอราลี่กรุ๊ป กางแผน 3 ปี(65-67) โตยั่งยืน ทุ่มงบลงทุนเทคโนโลยี 4.1 หมื่นล้านบาท-ควบรวมกิจการ ตั้งเป้ากำไรต่อหุ้นโตแกร่ง 6–8% กระแสเงินสดสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.1 แสนล้านบาท เพิ่มเงินปันผลที่เป็นเงินสดอยู่ที่ 1.9-2.1 แสนล้านบาท

วันที่ 25 มกราคม 2565 นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2564 ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลังจากการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและการวางแผนชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ปีที่ผ่านมานี้กลายเป็นอีกหนึ่งปีทองของเจนเนอราลี่ ที่สามารถสร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ไว้อีกหลากหลายผลงาน ส่งผลให้ทางเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในอีก 3 ปี ข้างหน้า ( ปี 2565-2567) ทั้ง

อัตราเฉลี่ยการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง 6–8%
การมีกระแสเงินสดสุทธิสะสมเพิ่มขึ้น มากกว่า 3.1 แสนล้านบาท (8.5 พันล้านยูโร)
การเพิ่มเงินปันผลที่เป็นเงินสดตั้งเป้าอยู่ที่ 1.9-2.1 แสนล้านบาท (5.2-5.6 พันล้านยูโร, ปี 2565-2567) จากเดิม 1.6 แสนล้านบาท (4.5 พันล้านยูโร,ปี 2562-2564)
ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้เกิดจากความสำเร็จในการส่งมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา เช่น การกวาดซื้อหุ้นคืนมูลค่า 18 ล้านล้านบาท ในปี 2564 (500 ล้านยูโร) เสร็จสมบูรณ์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี การสร้างงบดุลที่แข็งแกร่งด้วยหนี้สินลดลง รวมถึงการมอบผลตอบแทนผู้ถือหุ้นตลอดปี 2562-2564 ได้กว่า 111% อันเป็นผลมาจากการปรับใช้กลยุทธ์ Lifetime Partner การใส่ใจดูแลมอบบริการที่ดีและยืนหยัดดูแลลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต

สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในอีก 3 ปีจากนี้ (2565-2567) เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เตรียมต่อยอดกลยุทธ์ Lifetime Partner สู่การเป็น “Lifetime Partner 24: Driving Growth” โดยแบ่งแนวทางการดำเนินงานออกเป็น 3 หลักใหญ่ๆ คือ

1.ขับเคลื่อนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน (Drive sustainable growth) ด้วยการตั้งเป้าอัตราการเติบโตของบริการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) อีกกว่า 4% และภายในปี 2567 ต้องมีมูลค่าทางธุรกิจใหม่รวมกว่า 8.6-9.4 หมื่นล้านบาท (2.3–2.5 พันล้านยูโร)

2.การเพิ่มอัตราผลตอบแทน (Enhance earnings profile) ด้วยแนวคิดการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีการเติบโตเพื่อสร้างผลกำไร รวมถึงการควบรวมกิจการประเภทประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ โดยตั้งเป้าในมูลค่า 0.94-1.12 แสนล้านบาท (2.5–3 พันล้านยูโร) และทำการเพิ่มมูลค่าในการบริหารสินทรัพย์ของกลุ่มบุคคลที่ 3 จำนวน 3.7 พันล้านบาท (100 ล้านยูโร)

3.การนำนวัตกรรมมาใช้ (Lead innovation) ซึ่งเจนเนอราลี่ กรุ๊ป เตรียมงบประมาณสำหรับลงทุนด้านเทคโนโลยี 4.1 หมื่นล้านบาท (1.1 พันล้านยูโร) ในปี 2565-2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2564 กว่า 60% อีกทั้งยังเตรียมงบประมาณอีกกว่า 9.4 พันล้านบาท (250 ล้านยูโร) สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มกองทุนประกันเพื่อควบคุมและสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจ

มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารของกลุ่ม เจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า การปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งยืนยันความเป็นผู้นำในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าในยุค New Normal

ด้วยการบริการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจทุกช่วงเวลาของชีวิต และเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมอบผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่ง และช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

การให้คำมั่นสัญญาในการเป็น Lifetime Parter ทำให้เจนเนอราลี่วางลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานทุกอย่าง และกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ของเราก็ยกระดับความสำคัญนี้มากขึ้นไปอีก ด้วยกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth และตอกย้ำความเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

เป้าหมายและแผนงานที่ได้ประกาศวันนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องมาจากผลสำเร็จจากการแผนการดำเนินงานก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเจนเนอราลี่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีช่องทางการสร้างรายได้ที่หลากหลาย เติบโตแบบมีผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ

และมีประวัติการให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างความสำเร็จแบบเดียวกันใน 3 ปีข้างหน้านี้ด้วยเช่นกัน

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance